10 วิธีแก้ปัญหากลิ่นปาก
1. ดื่มน้ำเยอะ ๆ
น้ำลายสามารถช่วยชะล้างสิ่งสกปรกที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปากออกไปได้ก็จริง แต่ถ้าหากเราดื่มน้ำไม่เพียงพอก็จะทำให้น้ำลายหลั่งออกมาน้อย ส่งผลให้เศษอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในปากบูดเน่าได้ ดังนั้นการดื่มน้ำเยอะ ๆ ให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย นอกจากจะช่วยให้ร่างกายสร้างน้ำลายได้มากขึ้นแล้ว ก็ยังเป็นการช่วยชะล้างเศษอาหารในปากออกไปได้อีกด้วย ถ้าไม่อยากมีกลิ่นปากลองใช้วิธีนี้ดูนะ
2. เปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 2-3 เดือน
แปรงสีฟันถือเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคที่ดีอย่างหนึ่ง ลองนึกดูสิว่าทุกวันที่เราแปรงฟัน เชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปากก็จะติดไปอยู่กับแปรงสีฟัน และถ้าเราทำความสะอาดแปรงสีฟันไม่ดี เชื้อเหล่านั้นก็จะยังเจริญเติบโตต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อเราหยิบมาแปรงฟันอีกครั้งเชื้อเหล่านั้นก็จะกลับเข้าไปอยู่ในปากเพิ่มมากขึ้น แค่คิดก็สยองแล้ว ฉะนั้นเปลี่ยนแปรงสีฟันบ่อยหน่อยดีกว่าเนอะ
3. รับประทานผักสด ๆ ให้มากขึ้น
การรับประทานผักสด ๆ อย่างแครอต ขึ้นฉ่าย หรือแอปเปิลสด ๆ ไฟเบอร์จากผัก-ผลไม้เหล่านี้จะช่วยให้กลิ่นปากหายไปได้ เพราะวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้จะเข้าไปช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงทำให้ร่างกายสามารถสร้างสารที่จะมาต่อสู้กับแบคทีเรียในร่างกายได้มากขึ้น ส่งผลให้น้ำลายของเรามีประสิทธิภาพในการขจัดเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้ดีขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้การเคี้ยวผักหรือผลไม้ที่สดกรอบก็จะช่วยกำจัดคราบแบคทีเรียในช่องปากออกไปได้อีกด้วย
4. บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ
การบ้วนปากด้วยน้ำเกลือเป็นวิธีง่าย ๆ ในการขจัดกลิ่นปาก เพราะน้ำเกลือจะเข้าไปช่วยชะล้างเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปากและคอออกไปได้มากขึ้น แต่ก็อย่าผสมน้ำเกลือจนเข้มข้นเกินไป ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดผลเสียกับสุขภาพตามมาได้เหมือนกัน
5. เคี้ยวเปลือกส้มหรือเปลือกมะนาว
กรดซิตริกในมะนาวมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับกรดในน้ำลายที่แม้จะเจือจางแต่ก็สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปากได้ การนำเปลือกมะนาวหรือเปลือกส้มที่คั้นน้ำแล้วมาเคี้ยวสักครู่จะช่วยให้แบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นลดลงได้ แต่หลังจากเคี้ยวแล้วก็อย่าลืมบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดด้วย เพราะเจ้ากรดชนิดนี้หากทิ้งไว้ในปากนาน ๆ ก็กัดกร่อนเนื้อฟันได้เหมือนกันค่ะ
6. รับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกส์ให้มากขึ้น
ระบบขับถ่ายที่ผิดปกติ สามารถทำให้เกิดกลิ่นปากได้ เพราะเมื่อคนเราเกิดปัญหาเรื่องระบบขับถ่ายอย่างเช่น ท้องผูก ก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถขจัดสารพิษในร่างกายออกไปได้หมด ส่งผลให้สารพิษตกค้างอยู่ในร่างกายและเกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ตลบอบอวลอยู่ในกระเพาะและลำไส้ และกลิ่นนั้นก็อาจจะขึ้นมาถึงระบบทางเดินอาหารส่วนบนขึ้นสู่ปากกลายเป็นกลิ่นปากเหม็นตุ ๆ ได้ การรับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกส์ อย่างเช่น โยเกิร์ต ให้มากขึ้นจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ไม่มีสารพิษตกค้างในร่างกายและขจัดกลิ่นปากไปได้เช่นกัน
7. รับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีให้เพียงพอ
กลิ่นปากบางครั้งก็มาจากการขาดสารอาหารบางชนิด อย่างเช่น สังกะสี เป็นต้น เพราะสังกะสีนั้นมีคุณสมบัติในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคที่เป็นอันตราย การรับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีอย่าง ฟักทอง โกโก้ และเครื่องในสัตว์ สามารถช่วยเพิ่มสังกะสีในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีความสามารถในการต่อสู้แบคทีเรียมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเรื่องระบบไหลเวียนของเลือดและป้องกันโรคกระดูกพรุนได้อีก ดีหลายทางแบบนี้ก็อย่าพลาดเด็ดขาด
8. เคี้ยวสมุนไพรหรือเครื่องเทศสด ๆ
สมุนไพรและเครื่องเทศที่ว่านี้ก็ได้แก่ ใบพาร์สลีย์ โหระพา สะระแหน่ เพราะสมุนไพรเหล่านี้นอกจากจะมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ช่วยให้กลิ่นปากหอมสดชื่นได้แล้ว สารคลอโรฟิลล์ที่มีในสมุนไพรก็ยังช่วยลดกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วยล่ะ ปริมาณในการเคี้ยวก็ไม่ต้องเยอะมาก เพียงแค่กิ่งเล็ก ๆ ก็พอแล้วค่ะ แบบนี้ก็ไม่ต้องพึ่งพาลูกอมแล้วล่ะเนอะ
9. แปรงฟันบ่อย ๆ และหมั่นทำความสะอาดลิ้น
เราได้เรียนรู้กันมาตั้งแต่เด็กว่าควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง แต่ถ้าต้องการให้ช่องปากสะอาดมากขึ้นก็ควรแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหารสัก 15-30 นาทีจะดีที่สุด และถ้าเป็นไปได้ก็ควรทำความสะอาดลิ้นบ่อย ๆ เพราะคราบฝ้าขาว ๆ บนลิ้นก็เป็นตัวการทำให้เกิดกลิ่นปากได้เหมือนกัน
10. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรง
ถ้าการรับประทานอาหารเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นปากก็ควรหันมาระมัดระวังในการรับประทานอาหารมากขึ้น เลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรง อาทิ กระเทียม ต้นหอม หรือของหมักดอง เท่านี้กลิ่นปากก็จะไม่มากวนใจแน่นอน